อาจารย์ผู้สอนวิชานวัตกรรมแห่งการเรียนรู้
...... ผศ.วิวรรธน์ จันทร์เทพย์ ..... มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง, อ.จอมบึงจ.ราชบุรี .....ป.กศ.สูง วิชาเอกดนตรีศึกษา จาก วค.บ้านสมเด็จพระยาปริญญาตรี กศ.บ.(เกียรตินิยม)มศว.ประสานมิตรปริญญาโท ค.ม.(โสตทัศนศึกษา)จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนักศึกษาปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาหลักสูตรและการสอน (กลุ่มเทคโนโลยีทางการศึกษา)มหาวิทยาลัยศิลปากรบล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการเรียนการสอนนักศึกษา ปีการศึกษา 2550/1
หน้าสวยไร้สิว <== 17 วิธี ผิวสวย ไร้สิว<==
หนุ่มๆ สาวๆ ใครอยากหน้าใส ผิวดี ผมสวย เรามีสูตรเด็ดถึง 17 สูตร ลองไปทำกันดู รับรองว่าเด็ด
สูตรขจัดสิวหัวดำ
นำมะเขือเทศสดมาปั่นรวมกับข้าวโอ๊ตให้เข้ากัน แล้วผสมน้ำผึ้งสักเล็กน้อยนำมาทา บนใบหน้าให้ทั่ว เน้นเป็นพิเศษบริเวณที่มีสิวหัวดำ แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น
มาร์คพอกหน้าสูตรใบเตย
นำใบเตย4-5 ใบมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆแล้วนำไปปั่นรวมกับไข่ไก่ 2ช้อนโต๊ะจะได้มาร์คพอกหน้าเป็นครีมข้นๆ หอมกลิ่นใบเตย พอกหน้าไว้ประมาณ 5-10 นาที แล้วล้างหน้าตามปกติ
ถนอมผิวหน้าด้วยโยเกิร์ต
ล้างหน้าให้สะอาด ซับเบาๆด้วยผ้าขนหนู แล้วใช้มือแตะโยเกิร์ต(ให้ใช้ชนิดที่ไม่ผสมเนื้อผลไม้) มาพอกให้ทั่วผิวหน้า เว้นรอบปากและดวงตา นวดและคลีงเบาๆ พอกไว้ประมาณ 20 นาที จึงล้างออก หมั่นทำสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ผิวจะเปล่งปลั่งสดใสอมชมพูทีเดียวค่ะ
ครีมพอกหน้าสำหรับสาวผิวมันและผิวผสม
ให้ใช้แตงกวา1 ผล ไขไก่ 1 ฟอง (ใช้เฉพาะไข่ขาว) และมะนาว 1 เสี้ยว หั่นแตงกวาเป็นแว่นบางๆ นำไปปั่นพร้อมกับไข่ขาวและบีบน้ำมะนาวลงไป ปั่นจนละเอียดเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า เว้นรอบปากและดวงตาไว้ ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วจึงล้างหน้าตามปกติ หมั่นทำบ่อยๆ ทุกสัปดาห์ จะช่วยลดความมันส่วนเกิน และยังช่วยสมานผิวหน้า กระชับรูขุมขน ช่วยให้ผิวหน้าเรียบเนียน เต่งตึง และนวลนุ่มชุมชื่น
เพื่อเรียวขาสวย
ก่อนนอน นำมะนาวเปรี้ยวๆสักหนึ่งเสี้ยว บีบลงในดินสอพองพอหมาด ทาให้ทั่วขา ทิ้งไว้สักหนึ่งคืน รุ่งเช้าค่อยล้างออก แม้จะไม่ทำให้ขาเนียนขึ้นทันตาเห็น แต่หากทำเป็นประจำ ยืนยันว่าได้ผลค่ะ
ลบรอยกระด่างดำบนใบหน้าด้วยมะละกอสุก
นำมะละกอสุกมายีให้ละเอียด พอกหน้า ทิ้งไว้ สัก 10 นาที แล้วจึงล้างออก จะช่วยให้ ใบหน้าที่มีรอยด่างดำดูดีขึ้น
สูตรรักษาฝ้า
คั้นน้ำมะขามเปียก ให้ค่อนข้างใสสักหน่อย ตั้งไฟอ่อน รอจนสุก จึงใส่น้ำผึ้งลงไปคนให้เข้ากัน ขั้นตอนนี้ต้องทำพร้อมกัน คือมือหนึ่งเท อีกมือก็คนให้ทั่ว นำมาทาหน้า วันละ 1 ชั่วโมง ช่วยรักษาฝ้า และทำให้ผิวหน้านวลใสขึ้น
สูตรสาวหน้าใส
ส่วนผสม น้ำผึ้ง น้ำมะนาว ผสมน้ำผึ้ง 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1 ช้อนชา เข้าด้วยกัน นำมานวดให้ทั่วใบหน้า มะนาว จะช่วยขจัดเซลล์ผิว เหมือนครีมที่มีส่วนผสมAHA นั่นแหละ ส่วนน้ำผึ้ง ทำให้ผิวนุ่ม ชุ่มชื่น นวดประมาณ 15 นาที
สูตรลดริ้วรอย
เลือกใช้ผลไม้ที่หาง่าย จะเป็นแอปเปิ้ล กล้วยหอม แตงกวา หรือมะเขือเทศก็ได้ค่ะ ใช้ปริมาณ 1 ถ้วย นำมาปอกเปลือกและเอาเมล็ดออก นำไปปั่นให้เนื้อละเอียด นำเนื้อผลไม้ที่เตรียมไว้ มาพอกให้ทั่วหน้า ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก และล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นอีกครั้ง จะทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่ม เกลี้ยงเกลา แลดูสดใส
สูตรกระชับรูขุมขน
กล้วยหอม แตงกวา มะเขือเทศ (เลือกเอาอย่างใดอย่างหนึ่ง) ปอกเปลือก เอาเมล็ดออก แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ เติมนมเปรี้ยวหรือน้ำผึ้งลงไป นำไปปั่นจนละเอียดเป็นเนื้อครีม นำมาพอกให้ทั่วใบหน้าและลำคอ ทิ้งไว้ ประมาณ 15 นาที แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำอุ่น จะช่วยทำความสะอาดใบหน้า และช่วยกระชับรูขุมขน และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น
สูตรพิฆาตสิวเสี้ยน
นำไข่ขาว มาทาบาง ๆ บริเวณที่มีสิวเสี้ยน แล้วใช้กระดาษทิชชูหรือกระดาษซับหน้าแค่ชั้นเดียว วางทับลงไป รอให้แห้ง แล้วค่อย ๆ ดึงกระดาษออก โดยดึงจากมุมด้านล่าง สิ้วเสี้ยนที่เคยเป็นเสี้ยนหนามตำใจจะหลุดออกมาอย่างง่ายดายค่ะ
เคลนเซอร์สำหรับทุกสภาพผิว
โยเกิร์ต 1/2 ถ้วยน้ำมันดอกทานตะวัน 1 ช้อนโต๊ะน้ำมะนาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ (คั้นสด ๆ นะคะ)นำส่วนผสมทั้งหมด มาผสมให้เข้ากัน พอกให้ทั่วหน้าทุกเช้าและก่อนนอน แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดจะช่วยทำความสะอาดผิวหน้าได้อย่างล้ำลึก และบำรุงผิวให้ชุ่มชื้นอีกด้วย
วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2551
หน่วยการเรียนที่ 2 การรับรู้ การเรียนรู้ และการสื่อความหมาย
การรับรู้ (Perception)
การรับรู้ คือ กระบวนการแปลหรือตีความต่อสิ่งเร้า ข่าวสารที่ผ่านอวัยวะรับสัมผัสทั้งหลาย ได้แก่ ตา ห จมูก ลิ้น และกาย เข้าไปยังสมองในรูปของไฟฟ้าและเคมี สมองจึงเป็นคลังเก็บข้อมูลมหาศาลก็จะตีความสิ่งเร้าหรือข่าวสารนั้นโดยอาศัยการเทียบเคียงกับข้อมูลที่เคยสะสมไว้ก่อน หรือที่เรียกว่า ประสบการณ์เดิม
การรับรู้ คือ การสัมผัสที่มีความหมาย หรือการรู้ รู้สึกสิ่งต่างๆ สภาพต่างๆ ที่เป็นสิ่งเร้ามาทำปฏิกิริยากับตัวเราเป็นการแปลอาการสัมผัสให้มีความหมายขึ้นเกิด ซึ่งเป็นความรู้สึกซึ่งเฉพาะตัวสำหรับบุคคลนั้นๆ เมื่อมีการรู้สึกเกิดขึ้นจากอวัยวะในการรับความรู้สึกอันได้แก่ ตา หู ปาก จมูก ผิวหนัง อื่นๆ และถ้าการรู้สึกมีการตีความว่า การรู้สึกที่เกิดขึ้นคืออะไร นั่นถือว่ามีการรับรู้เกิดขึ้นแล้ว
สิ่งเร้า --> การรับรู้ --> การตอบสนอง
กระบวนการรับรู้ (Perception)
การรับรู้เป็นกระบวนการนำความรู้หรือข้อมูล ข่าวสารเข้าสู่สมอง โดยผ่านอวัยวะสัมผัส (Sensory Organ) สมองจะเก็บรวบรวมและจดจำสิ่งต่าง ๆ เหล่านั้นไว้เป็นประสบการณ์ เพื่อเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดมโนภาพหรือความคิดรวบยอด (Concept) และทัศนคติ (Attitude) ในการเปรียบเทียบหรือถ่ายโยงความหมายกับสิ่งเร้าใหม่ที่จะรับรู้ต่อ ๆ ไป ดังนั้นการรับรู้และการเรียนรู้จึงมีความเกี่ยวข้องกัน ถ้าไม่มีการรับรู้ การเรียนรู้ย่อมเกิดขึ้นไม่ได้
การเรียนรู้ (Learning)
การเรียนรู้ หมายถึง การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมจากเดิมไปสู่พฤติกรรมใหม่ค่อนข้างถาวร และพฤติกรรมใหม่นี้เป็นผลมาจากประสบการณ์หรือการฝึกฝน มิใ่ช่ ผลจากการตอบสนองจากธรรมชาติ สัญชาตญาณ อุบัติเหตุ หรือความบังเอิญกระบวนการเรียนรู้ เป็นกระบวนการต่อเนื่องเชื่อมโยงจากการรับรู้ กล่าวคือ เมื่อประสาทสัมผัสกระทบสิ่งเร้าและเกิดความรู้สึกส่งไปยังสมอง สมองบันทึกความรู้สึกนั้นไว้เป็นประสบการณ์และเมื่ออวัยวะรับสัมผัสกระทบกับสิ่งเร้าเดิมอีก สามารถระลึกได้ (Recall) หรือจำได้ (Recognition) ก็ถือว่าเกิดการเรียนรู้ขึ้น
การเรียนรู้และการสื่อความหมาย
การถ่ายทอดความรู้ความคิดต่างๆแก่บุคคลหรือกลุ่มคนซึ่งมีจิตใจอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดมีความสามารถในการรับรู้หรือเรียนรู้ไม่คงที่แน่นอนในการเรียนการสอนจึงจำเป็นต้องใช้ให้สอดคล้องกับปัจจัยทางธรรมชาติของมนุษย์
ความหมายของการเรียนรู้
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมไปจากเดิมอันเป็นผลมาจากการได้รับประสบการณ์
กล่าวโดยสรุป การเรียนรู้ เป็นกระบวนการของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากเดิม อันสืบเนื่องมาจากประสบการณ์ของแต่ละบุคคลที่ได้รับมา โดยที่การเรียนรู้นั้นจะเป็นพื้นฐานในการดำเนินชีวิต
หลักการของทฤษฎีสิ่งเร้าและการตอบสนอง
1. การเสริมแรงเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการตอบสนอง
2. การฝึกฝนได้แก่ การให้ทำแบบฝึกหัดหรือการฝึกซ้ำ
3. การรู้ผลการกระทำได้แก่ การที่สามารถให้ผู้เรียนได้รู้ผลการปฏิบัติได้ทันที
4. การสรุปเป็นกฎเกณฑ์
5. การแยกแยะได้แก่ การจัดประสบการณ์ที่ผู้เรียนสามารถแยกแยะความแตกต่างของข้อมูลได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
6. ความใกล้ชิดได้แก่ การสอนที่คำนึงถึงความใกล้ชิดระหว่างสิ่งเร้าและการตอบสนอง
การประยุกต์ใช้ทฤษฎีการเรียนรู้
1. ให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในการเรียนอย่างกระฉับกระเฉง
2. ให้ทราบผลย้อนกลับทันที
3. ให้ได้ประสบการณ์แห่งการสำเร็จ
4. การให้เรียนไปทีละน้อยตามอันดับขั้น
หลักการและแนวคิดที่สำคัญของการจูงใจ
1.การจูงใจเป็นเครื่องมือสำคัญที่ผลักดันให้บุคคลปฏิบัติกระตือรือร้น
2.ความต้องการทางกาย อารมณ์และสังคม
3.การเลือกสื่อและกิจกรรมการเรียนการสอนให้เหมาะสมกับผู้เรียน
4.การจูงใจขึ้นอยู่กับบุคลิกภาพของผู้เรียน
5.ผู้สอนควรจะพิจารณาสิ่งล้อใจหรือรางวัล
หลักการและแนวคิดที่สำคัญของการถ่ายโยงการเรียนรู้
1.การถ่ายโยงควรจะต้องปลูกฝังความรู้ความคิดเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ต่างๆ
2.ผู้สอนควรใช้วิธีแก้ปัญหาหรือวิธีการเรียนรู้เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนมีโอกาสคิดและเกิดทักษะอย่างกว้างขวาง
3.การถ่ายโยงจะเกี่ยวข้องกับความแตกต่างระหว่างบุคคล
4.การถ่ายโยงที่อาศัยสถานการณ์ที่สัมพันธ์กันระหว่างสถานการณ์เดิมและสถานการณ์ใหม่
การสื่อความหมาย
การสื่อความหมาย คือ การส่งข่าวสารความคิดเห็นระหว่างบุคคล อาจส่งผ่านทางเสียงทำให้เกิดการได้ยินจากอวัยวะการรับเสียง
องค์ประกอบที่สมบูรณ์ของการสื่อสาร
1.ผู้ส่งสาร
2.ตัวเข้ารหัสสาร
3.ช่องทางการสื่อสาร
4.การแปรรหัสสาร
5.ผู้รับสาร
6.ปฏิกิริยาของผู้รับสารและการตอบสนอง
อุปสรรคและความสำเร็จของการสื่อสาร
1.มีความรู้ความสามารถทั้งผู้ส่งและผู้รับสาร
2.มีทักษะในการสื่อสาร
3.มีเจตคติที่ดี
4.พื้นฐานทางสังคมและวัฒนธรรม
สรุปการสื่อความกับการเรียนการสอน
การเรียนการสอนเป็นการสื่อความอย่างหนึ่ง เพราะมีผู้ส่งความรู้คือ ครู มีข่าวสารหรือเนื้อหา คือ ความรู้ มีผู้รับคือ นักเรียนมีขบวนการเรียนรู้ซึ่งประกอบด้วยเครื่องมือที่เรียกว่า สื่อ หรือ สื่อการสอน
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
เกี่ยวกับฉัน
- nuijang
- เมื่อนานมาแล้ว ... มีต้นหญ้ากับนาฬิกาเรือนหนึ่ง เค้าทั้งสองเป็นเพื่อนกัน.... ทุกวันเวลาที่ผ่านไป นาฬิกาไม่เคยคิดถึงอะไรในข้างหน้าเลย เพราะตัวเค้าเป็นผู้ทำให้กาลเวลาแปรผันไป เวลาที่ผ่านไป........ จากวันเป็นเดือน.. จากเดือนเป็นปี.. "ความชรา" ได้เข้าครอบครองต้นหญ้า ในที่สุด.. นาฬิกาผู้คุมเวลาอยากจะหยุดเวลาตรงนั้นลง เค้าอยากจะย้อนเวลากลับไป... เพื่อจะได้อยู่ด้วยกัน.. แต่มันไม่ได้มีทางเป็นไปได้... ทุกสรรพสิ่งไม่ได้อยู่นิ่ง..
ลมหายใจ
*0* ------*0*------*0*
คำว่า ครอบครัว เป็นคำที่มีความหมายมาก คือหมายถึงความรัก ควาอบอุ่น ความเป็นอันเดียวกัน สมัยลูกเป็นเด็ก ๆ เราอยู่รวมกัน
เป็นครอบครัว มีเสียงหัวเราะสนุกสนาน มีเสียงวิ่งเล่นวิ่งไล่กัน ได้ทานอาหารร่วมกัน ได้ทำอะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อกับแม่
จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมา พอเห็นหน้าลูก ๆ มาคอยต้อนรับที่หน้าประตู ถามว่าเหนื่อยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เท่านี้ก็หาย
เหนื่อยแล้ว เห็นลูกกินได้ นอนหลับ พ่อกับแม่ก็สบายใจ ที่แหละลูกเอ๋ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้ว หากสามารถ
เสกเป่าได้ พ่อกับแม่ก็อยากจะเสกเป่าให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนตอนเป็นเด็ก แม้จะนาน ๆ ครั้งก็ยังดี เห็นหน้าเห็นตากัน ทานข้าวด้วยกัน ถามไถ่สุขของกันและกัน ได้อุ้มหลานตัวน้อย ๆ เท่านี้ก็ยืดอายุให้พ่อแม่ได้อีกหลายปีแล้วลูกเอ๋ย
http://malinee.wordpress.com/feed/
เป็นครอบครัว มีเสียงหัวเราะสนุกสนาน มีเสียงวิ่งเล่นวิ่งไล่กัน ได้ทานอาหารร่วมกัน ได้ทำอะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อกับแม่
จะทำงานเหน็ดเหนื่อยกันมา พอเห็นหน้าลูก ๆ มาคอยต้อนรับที่หน้าประตู ถามว่าเหนื่อยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เท่านี้ก็หาย
เหนื่อยแล้ว เห็นลูกกินได้ นอนหลับ พ่อกับแม่ก็สบายใจ ที่แหละลูกเอ๋ยที่เขาว่าครอบครัวที่อบอุ่น ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้ว หากสามารถ
เสกเป่าได้ พ่อกับแม่ก็อยากจะเสกเป่าให้ครอบครัวเราเป็นครอบครัวที่อบอุ่น พร้อมหน้าพร้อมตากันเหมือนตอนเป็นเด็ก แม้จะนาน ๆ ครั้งก็ยังดี เห็นหน้าเห็นตากัน ทานข้าวด้วยกัน ถามไถ่สุขของกันและกัน ได้อุ้มหลานตัวน้อย ๆ เท่านี้ก็ยืดอายุให้พ่อแม่ได้อีกหลายปีแล้วลูกเอ๋ย
http://malinee.wordpress.com/feed/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น